ไส้กรองแอร์รถยนต์ เป็นสิ่งที่ช่วงกรองอากาศก่อนที่ลมจะออกจากช่องแอร์ และยังช่วยดักจับฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งหากไส้กรองแอร์เริ่มมีความผิดปกติส่งผลให้ระบบปรับอากาศได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือต้องล้าง หรือเปลี่ยนเท่านั้น ซึ่งเราก็นำวิธีล้างไส้กรองแอร์ด้วยตัวเอง และอาการแบบไหนที่ต้องเปลี่ยนมาแนะนำกัน
อาการที่บ่งบอกว่า ไส้กรองแอร์รถยนต์ สกปรก มีการอุดตัน
- ลมแอร์ออกเบา ไม่ค่อยเย็น
- มีกลิ่นเหม็นอับ
- เครื่องยนต์สั่นผิดปกติ เครื่องแรงตก
- รถกินน้ำมันผิดปกติ
- เสียงแอร์ดังผิดปกติ
วิธีทำความสะอาด ไส้กรองแอร์รถยนต์
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- แปรงขนอ่อน หรือแปรงสีฟันเก่า
- ไขควง
- น้ำยาล้างกรองอากาศ (สามารถใช้น้ำยาล้างจานแทนได้)
- น้ำยาเคลือบกรองอากาศ
ขั้นตอนนำความสะอาด
- ใช้ไขควงไขกรองอากาศออกมา
- ใช้แปรงปัดสิ่งสกปรกออกให้หมด
- หากเป็นไส้กรองแบบผ้า หรือใยสังเคราะห์สามารถใช้วิธีล้างทำความสะอาดได้ แต่หากเป็นกระดาษไม่ควรล้าง
- ใช้น้ำยาล้างกรองแอร์ หรือน้ำยาล้างจาน ฉีดให้ทั่วกรองอากาศ แล้วปล่อยทิ้งประมาณ 20 -30 นาที
- หลังจากนั้นนำไปล้างน้ำให้น้ำยาออกจนหมด โดยล้างจากด้านในไปด้านนอก
- นำไปตากแดดจนแห้งสนิทไม่มีละอองน้ำเกาะอยู่
- แล้วใช้น้ำยาเคลือบกรองอากาศเคลือบให้ทั่ว แล้วตากแดดให้แห้งอีกครั้ง
- ใช้ไขควงประกอบเข้าที่เดิมเป็นอันเสร็จ
แต่อย่างไรก็ตามหากถอดไส้กรองแอร์ออกมาแล้วพบว่า มีการฉีกขาด เปื่อยยุ่ย ผิดรูป หรือมีฝุ่นเกาะหนามากเกินไปก็ไม่ต้องล้างแล้ว เพราะถือว่าเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนจะดีกว่า
ไส้กรองแอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่
การเปลี่ยนไส้กรองแอร์ นอกจากในกรณีที่ชำรุดแล้ว โดยปกติทั่วไปแอร์ ควรเปลี่ยนทุก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร และควรตรวจเช็กทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบแอร์และเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถด้วยเช่นกัน หากขับขี่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นควันเยอะก็ควรตรวจเช็ก เปลี่ยนให้เร็วขึ้น ไม่ต้องรบครบระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการเปลี่ยนกรองแอร์จะทำพร้อมกับการล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดตู้ เพื่อให้อากาศภายในรถยังคงความเย็นเอาไว้
ส่วนการเลือกใช้ไส้กรองแอร์ที่มีคุณภาพในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายแบบ นอกจากเป็นแบบกระดาษบาง ๆ แล้วยังมีแบบนาโนคาร์บอน ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้อีกด้วย
ดังนั้นหากพบว่าแอร์เริ่มมีความผิดปกติก็ควรสันนิษฐานได้เลยว่า ไส้กรองแอร์รถยนต์ เริ่มมีปัญหาแล้ว หากไม่แน่ใจว่าแค่ต้องล้าง หรือต้องเปลี่ยนทางที่ดีขอแนะนำให้เข้าร้านซ่อมหรือศูนย์ เพื่อทำการตรวจเช็กก็จะเป็นการดีที่สุดเพื่อที่จะได้ขับอย่างสบายใจ และไม่เสี่ยงต่อปัญหาด้านอื่น ๆที่อาจจะตามมาได้