หากคุณมีอาการท้องผูกเป็นประจำคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ควรที่จะหาทางแก้ไขโดยเร็วอย่าปล่อยไว้นาน เพราะถ้ามีปัญหาท้องผูกบ่อยครั้ง อาจจะส่งผลทำให้มีปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาได้
ท้องผูก คืออะไร?
ท้องผูก คือ ภาวะของการถ่ายอุจจาระที่มีความถี่น้อยกว่าปกติ อุจจาระจะมีลักษณะแข็ง การถ่ายอุจจาระมีความลำบาก จะต้องใช้แรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติ ใช้เวลาขับถ่ายนาน หรือถ่ายไม่สุด หลังจากที่ได้อุจจาระไปแล้วก็มีอาการปวดอยากถ่ายอีก
ท้องผูก สาเหตุเกิดจากอะไร?
- การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหารกากใยน้อย ไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำน้อยเกินไป ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มีนิสัยชอบกลั้นอุจจาระบ่อยๆ
- เบ่งอุจจาระผิดวิธี กล้ามเนื้อที่ทำการควบคุมการเบ่งของอุจจาระมีการทำงานไม่ประสานกัน ซึ่งก็คือขณะที่มีการเบ่งถ่ายอุจจาระนั้นได้ออกแรงเบ่งพร้อมกับขมิบหูรูดทวารหนัก แรงเบ่งจึงมีไม่มากพอที่จะสามารถเอาชนะแรงต้านที่หูรูดทวารหนัก ทำให้อุจจาระไม่สามารถที่จะเคลื่อนตัวออกมาได้
- การใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลทำให้ท้องผูก เช่น ยารักษาโรคพวกพาร์กินสัน ยาลดความดันโลหิต ยารักษาซึมเศร้า เป็นต้น
- ภาวะลำไส้เฉื่อย ลำไส้ใหญ่มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนตัวลงมาช้า
หากมีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ จะส่งผลต่อร่างกายอย่างไร
อาการท้องผูกบ่อยๆนอกจากจะทำให้รู้สึกเครียด ไม่สดชื่น มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก และเบื่ออาหารแล้ว ยังสามารถที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายอีกหลายอย่าง เช่น
- หากเป็นท้องผูกแบบเรื้อรังอาจส่งผลทำให้มีภาวะลำไส้อุดตันได้
- ทำให้เป็นโรคริดสีดวงทวาร เกิดแผลรอบๆทวารหนักซึ่งเกิดจากอุจจาระที่แข็งไปครูดโดนหลอดเลือด
- แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเป็นไส้เลื่อน
- ความดันในช่องทรวงอกสูงขึ้น หากเป็นโรคหัวใจอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
- เกิดความดันในลูกตาสูง ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดตาและหูอาจเป็นอันตรายได้
- อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานอ่อนแอ ส่งผลทำให้กลั้นปัสสาวะไว้ไม่อยู่
การป้องกันอาการท้องผูก
- เพิ่มกากใยให้แก่ร่างกาย โดยการรับประทานอาหารที่ให้กากใยสูง เพิ่มอาหารพวกผักและผลไม้ในมื้ออาหาร ใยอาหารนั้นร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ใยอาหารจึงอุ้มน้ำเอาไว้และยังคงอยู่ในลำไส้ จึงทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น
- ออกกำลังกาย เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานกล้ามเนื้อหลังและกระเพาะอาหาร ส่งผลทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร จะทำให้อุจจาระไม่แข็งเกินไป ทำให้สามารถขับถ่ายอุจจาระได้ง่าย
- ไม่กลั้นอุจจาระ การกลั้นอุจจาระนอกจากจะสามารถทำให้ท้องผูกได้แล้ว ยังอาจส่งผลทำให้เป็นริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
หากระบบขับถ่ายมีความผิดปกติ ควรที่จะรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ จะได้ทำการรักษาอย่างถูกต้อง การขับถ่ายนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการขับถ่ายจะช่วยขับของเสียและขับสารพิษต่างๆออกจากร่างกายนั่นเอง